ในภาพรวม ไทยมีบทบาทอย่างแข็งขันในการร่วมกับนานาประเทศ ผลักดันความร่วมมือด้านการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในกรอบสหประชาชาติ ทั้งในด้านการส่งเสริมสันติภาพและการฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบและการสู้รบ และด้านการสนับสนุนกรอบกฎหมายระหว่างประเทศที่จะเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อความสงบและความมั่นคงของภูมิภาคและของไทย
การรักษาและเสริมสร้างสันติภาพในกรอบสหประชาชาติ
ในวาระเพื่อสันติภาพ (Agenda for Peace) ตามรายงานของเลขาธิการสหประชาชาติ (A/47/277) ได้มีการนำเสนอแนวคิดสนับสนุนการรักษาสันติภาพในโลกโดยมาตรการต่างๆ ได้แก่ (1) การทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy) (2) การทำให้เกิดสันติภาพ (Peacemaking) (3) การรักษาสันติภาพ (Peacekeeping) และ (4) การเสริมสร้างสันติภาพ (Peacebuilding)
ไทยได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการส่งเสริมสันติภาพร่วมกับสหประชาชาติและรัฐสมาชิก โดยการสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) และกฏหมายระหว่างประเทศที่ส่งเสริมสันติภาพและการลดอาวุธ และสนับสนุนมาตรการต่างๆ ของสหประชาชาติในด้านการทูตเชิงป้องกัน และการทำให้เกิดสันติภาพ ซึ่งรวมถึงมาตรการลงโทษต่างๆ ด้วย (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามเอกสารด้านล่าง)
นอกเหนือจากการดำเนินการการทูตเชิงป้องกันของกระทรวงการต่างประเทศทั้งในทุกเวทีแล้ว ไทยยังดำเนินการส่งเสริมมาตรการรักษาสันติภาพและการเสริมสร้างสันติภาพในกรอบสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการเสริมสร้างสันติภาพผ่านกลไกของสหประชาชาติ ไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการเสริมสร้างสันติภาพ (Peace Building Commission หรือ PBC ซึ่งเป็นองค์กรให้คำปรึกษาด้านสันติภาพของสหประชาชาติ) มาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ (1) วาระปี ค.ศ. 2009 - 2010 และ (2) วาระปี ค.ศ. 2021 - 2022 ในประเภทสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) ในลักษณะ floating seat ร่วมกับไนจีเรีย โคลอมเบีย และสมาพันธรัฐสวิส ซึ่งไทยได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง (SEP for SDGs Partnership) ในบริบทของการเสริมสร้างสันติภาพ และการส่งเสริมสิทธิและบทบาทของคนกลุ่มต่างๆ แบบบูรณาการกับประเด็นด้านการพัฒนา และการดำเนินความร่วมมือด้านการพัฒนาของไทยผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ
การเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ
การปฏิบัติการรักษาสันติภาพเป็นกลไกของสหประชาชาติในการแก้ไขและระงับความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งอาจขยายตัวลุกลามและก่อให้เกิดผลกระทบสู่ประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ โดยสหประชาชาติเน้นความพยายามที่จะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งเคารพข้อตกลงสันติภาพที่เห็นชอบร่วมกัน เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่จะนำไปสู่ความร่วมมือและสันติภาพ แต่เนื่องจากสหประชาชาติที่ไม่มีกำลังทหารและตำรวจของตนเอง รัฐสมาชิกจึงสนับสนุนสหประชาชาติด้วยการส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมเป็นทีมสังเกตการณ์และ/หรือกองกำลังเข้าไปดูแลรักษาความเรียบร้อยในลักษณะของการจัดตั้งการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC)
รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนบทบาทของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา ไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจทั้งชายและหญิงรวมกว่า 27,000 คน เข้าร่วมปฏิบัติการสันติภาพและภารกิจรักษาสันติภาพต่างๆ ในกรอบสหประชาชาติ ในภูมิภาคต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 กว่า 20 ภารกิจ
การเข้าร่วม UNMISS
ในปี พ.ศ. 2556 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้รับรองข้อมติ ที่ 1966 (2011) จัดตั้งภารกิจกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (United Nations Mission in South Sudan: UNMISS) ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2554 เพื่อปฏิบัติภารกิจในเซาท์ซูดาน และต่อมาได้รับรองข้อมติที่ 2155 (2014) ปรับปรุงองค์ประกอบและอาณัติภารกิจดังกล่าว ให้ครอบคลุมการปกป้องพลเรือน การตรวจตราและสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมกับการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในรัฐสมาชิกที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาสันติภาพในระดับบุคคลในปี พ.ศ. 2556
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2560 สหประชาชาติได้ทาบทามให้ไทยพิจารณาส่งกองกำลังทหารช่างเข้าร่วมในหน่วย Horizontal Military Engineering Company (HMEC) ในกองกำลังรักษาสันติภาพ UNMISS ซึ่งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติการส่งกองร้อยทหารช่างก่อสร้าง (ทางระดับ) จำนวน 1 กองร้อยเข้าร่วมภารกิจ UNMISS และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ไทยก็จัดส่งกองกำลังทหารช่างประมาณ 200 กว่าคน (ต่อวาระ) เข้าร่วมภารกิจ UNMISS โดยมีภารกิจหลักในการซ่อมแซมปรับปรุงถนน (ที่เดิมเป็นลูกรัง) ซ่อมแซมและสร้างสิ่งสาธารณูปโภคในค่ายทหารของสหประชาชาติ โดยกองกำลังทหารช่างของไทยยังได้นำการพัฒนาและการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อแก้ไขความขัดแย้งที่รากเหง้าและป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 16 (Peace, justice and strong institutions) และแนวคิดเรื่อง sustaining peace ทั้งนี้ นอกจากทหารช่าง ยังมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าร่วมภารกิจดังกล่าวในช่วงปี ปี พ.ศ. 2532 - 2534 ซึ่งเป็นการส่งบุคลากรประเภทพลเรือนของไทยเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ เป็นครั้งแรก
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)