วันที่นำเข้าข้อมูล 26 ต.ค. 2566
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 25 ก.ย. 2568
ประเทศไทยได้รับผลกระทบระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ไทยจึงจำเป็นต้องดำเนินการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และปรับตัวต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยจึงติดตามและมีส่วนร่วมในเวทีระหว่างประเทศในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาและการรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" (UNFCCC)
ไทยกำหนดเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero greenhouse gas emission) ภายในปี พ.ศ. 2608 ซึ่งทุกภาคส่วนจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขัน เพื่อให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้
บทบาทของกรมองค์การระหว่างประเทศในด้านสิ่งแวดล้อม
กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่ประสานภาพรวมนโยบายต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ถือได้ว่าเป็นประเด็นภัยคุกคามความมั่นคงในรูปแบบใหม่ (non-traditional security issues) ที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ โดยนานาประเทศต่างร่วมกันส่งเสริมการใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศของตน
กรอบการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
กรมองค์การระหว่างประเทศ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนคณะผู้แทนไทยในเวทีเจรจาพหุภาคีต่าง ๆ ที่มีพลวัตรอย่างต่อเนื่อง เช่น
- การประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ : Conference of the Parties to the United Nations Convention on Climate Change (เรียกย่อการประชุมว่า COP) ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อติดตาม ผลักดันและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามอนุสัญญาสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ที่จัดทำขึ้นในปี พ.ศ. 2535 ( อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนุสัญญา UNFCCC และอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุม COP)
- การประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการจัดทำตราสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยมลพิษจากพลาสติก : International Negotiating Commitee on Plastic Pollution (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุม INC ) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามมติของสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ( United Nations Environment Assembly : UNEA) เมื่อปี พ.ศ. 2565 เพื่อเจรจาหารือการจัดทำตราสารที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติก ซึ่งรวมถึงผลกระทบของมลพิษพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย
- การประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ : United Nations Convention on Biodiversity (CBD) ซึ่งเป็นกลไกกฎหมายระหว่างประเทศที่กำกับดูแลเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ และการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนุสัญญา CBD)
- การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEA) ซึ่งจัดขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Enviromental Programme : UNEP) เพื่อเป็นเวทีให้รัฐภาคีสหประชาชาติหารือแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และประสบการณ์ในเรื่องสิ่งแวดล้อม (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุม UNEA)
นอกจากนี้ ยังมีการประชุมกรอบอื่นๆ อีก เช่น UN Ocean Conference, Asia - Pacific Water Summit, UN Habitat , UN Convention to Combat Desertification (UNCCD)
โดยที่ในปัจจุบัน มีการนำประเด็นสิ่งแวดล้อมไปเชื่อมโยงกับประเด็นระหว่างประเทศอื่นๆ เช่น เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ดังนั้น การประชุมเจรจาด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องผลประโยชน์ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของไทยด้วย นอกเหนือจากการเป็นการเจรจาหารือรายละเอียดเชิงเทคนิคด้านสิ่งแวดล้อมแต่เพียงลำพัง
กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
ในฐานะหน่วยงานประสานงานภาพรวมทางนโยบาย กรมองค์การระหว่างประเทศยังเป็นหน่วยประสานงานกับกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับแต่งตั้งเป็นหน่วยงานกลางประสานการดำเนินงานเชิงนโยบาย (Political Focal Point – PFP) ทำหน้าที่ประสานนโยบายและหลักการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility – GEF) ซึ่งการติดตามพัฒนาการที่สำคัญของการเจรจาระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม จะนำไปสู่การส่งเสริมให้ไทยสามารถเตรียมพร้อมและปรับตัวให้สอดคล้องกับพัฒนาการและแนวโน้มระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GEF)
การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กรมองค์การระหว่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องได้ส่งเสริมบทบาทของไทยในประเด็นลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการผลักดัน (1) "หลักการกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Principles ในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินงานด้านสาธารณสุขภายใต้กรอบเซนไดเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ค.ศ. 2015-2030 (Sendai Framework for Disaster Risk Reduction 2015-2030) (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sendai Framework) (2) ส่งเสริมการพัฒนา Urban Search and Rescue Team (USAR Team) ของไทย เพื่อเสริมบทบาทไทยด้านการปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ ควบคู่กับ Emergency Medical Team (EMT) ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข (3) สนับสนุน ESCAP Multi-Donor Trust Fund for Tsunami Disaster and Climate Preparedness in Indian Ocean and Southeast Asian Countries และการดำเนินงานของ ESCAP ในด้านการส่งเสริมความร่วมมือการเฝ้าระวังและการเตือนภัยสึนามิในภูมิภาค
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)