วันที่นำเข้าข้อมูล 27 ต.ค. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 8 ก.ย. 2568

| 4,196 view

สหประชาชาติกับประเด็นความมั่นคงทางไซเบอร์

รัฐสมาชิกสหประชาชาติต่างให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคงทางไซเบอร์ เนื่องจากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้ถูกนำมาใช้ในการทำสงครามไซเบอร์ หรือโจมตีทางไซเบอร์ที่เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศและต่อประชาชน ในเวทีสหประชาชาติ จึงมีการหารือในกรอบการประชุมต่างๆ เกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง  ทั้งในมิติของ Cyber Security ที่เป็นความมั่นคงทางไซเบอร์สำหรับรัฐสมาชิก และ Cybercrime ที่พิจารณาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในมิติของอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งรวมถึงประชาชนทั่วไป 

 

การประชุมและกลไกด้านไซเบอร์

การประชุม Open - Ended Working Group (OEWG) on Security of and the Uses of Information and Communication Technologies 

กรอบการประชุม Open - Ended Working Group (OEWG) on Security and the Uses of Information and Communication Technologies (2021-2025) จัดตั้งขึ้นตามข้อมติสมัชชาสหประชาชาติที่ 75/240 เพื่อให้รัฐสมาชิกหารือประเด็นความมั่นคงทางไซเบอร์ระหว่างกัน โดยมีอาณัติ 5 ปี และมีหัวข้อการประชุมย่อย 6 ประเด็น

ที่ผ่านมา OEWG ประชุมด้านสารัตถะ (substantive session) 11 ครั้ง ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก โดยมีผลสำเร็จสำคัญในการจัดตั้ง Global Points of Contact (PoC) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างรัฐ กรณีเกิดเหตุการณ์ความมั่นคงทางไซเบอร์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 โดยในส่วนของไทย ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมเป็น PoC 

 

กลไกด้านไซเบอร์ Global Mechanism on Developments in the Field of ICTs in the Context of International Security and Advancing Responsible State Behavior in the Use of ICTs

ภายหลังการประชุมเจรจาระหว่างรัฐสมาชิกสหประชาชาติหลายรอบในช่วงปี พ.ศ. 2564-2568 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ไทยและรัฐสมาชิกสหประชาชาติอื่น ๆ ร่วมรับรองการจัดตั้งกลไกถาวรใหม่ด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ภายใต้กรอบสหประชาชาติ (Global mechanism on developments in the field of ICTs in the context of international security and advancing responsible State behavior in the use of ICTs) ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการประชุม Substantive Session ครั้งที่ 11 ของการประชุม Open - ended Working Group (OEWG) on security of and in the use of informational and communications technologies (2021-2025) ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 7-11 กรกฎาคม 2568 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก

การจัดตั้งกลไกถาวรใหม่นี้ถือเป็นครั้งแรกที่สหประชาชาติมีกลไกถาวรเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยกลไกดังกล่าวมีหน้าที่เสริมสร้างขีดความสามารถของรัฐ พัฒนาและใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงส่งเสริมการหารือเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ บรรทัดฐานพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบของรัฐ และการปรับใช้กฎหมายระหว่างประเทศในมิติไซเบอร์

ที่ผ่านมา ไทยมีผู้แทนเข้าร่วมในทุกการประชุมของ OEWG ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม กลไกถาวรใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนาในการเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อรับมือต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ 

 

อนุสัญญาด้านไซเบอร์ภายใต้กรอบ UN 

อนุสัญญา United Nations Convention against Cybercrime

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly : UNGA) สมัยที่ 79 ได้รับรองข้อมติที่ 79/243 ซึ่งประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศได้ให้การรับรองอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ (United Nations Convention against Cybercrime) ภายหลังการเจรจาร่างอนุสัญญามาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปี

อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ ถือเป็นอนุสัญญาฉบับแรกของสหประชาชาติ ที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ประเทศสมาชิกมีกลไกทางกฎหมายในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบรวดเร็ว รุนแรงและกระจายไปในวงกว้าง โดยอนุสัญญาดังกล่าวเป็นโอกาสให้ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม มีส่วนร่วมในการส่งเสริมความมั่นคงทางไซเบอร์ ปกป้องคุ้มครองและป้องกันการจารกรรมทางไซเบอร์ พิธีจัดลงนามอนุสัญญาดังกล่าวจัดที่กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และประเทศสมาชิกสหประชาชาติสามารถลงนามได้ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 

การเข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ที่มรแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินคดีและการบังคับใช้กฏหมายของไทย โดยเฉพาะในการรวบรวมหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเก็บรักษาในฐานข้อมูลในต่างประเทศ ดังนั้น ที่ผ่านมา กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ จึงทำงานร่วมกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าร่วมการประชุมเจรจาอนุสัญญาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง กรมองค์การระหว่างประเทศจะร่วมกับหน่วยงานหลักของไทยด้านไซเบอร์ก็จะนำเสนอการพิจารณาลงนามอนุสัญญาดังกล่าวต่อไป 

 

อนุสัญญา Comprehensive International Convention on Countering the Use of Information and Communications Technologies for Criminal Purposes

ตั้งแต่ปี 2562 คณะผู้แทนไทย นำโดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ ภายใต้กรอบคณะกรรมการระหว่างรัฐเฉพาะกิจเพื่อจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรมในกรอบสหประชาชาติ (United Nations Ad Hoc Commitee to Elaborate a Comprehensive International Convention on Countering the Use of Information and Communications Technologies for Criminal Purposes อย่างต่อเนื่อง

ในกรอบการทำงานที่เกี่ยวข้องกับร่างอนุสัญญาฯ นี้ กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงดิจิทัลฯ เป็นหน่วยงานเจ้าภาพพิจารณาความเหมาะสมของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ต่อไป