วันที่นำเข้าข้อมูล 27 ต.ค. 2566
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 8 ก.ย. 2568
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights : UDHR) ได้รับการรับรองโดยที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 ถือเป็นบรรทัดฐานในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน โดยครอบคลุมสิทธิทุกด้าน ทั้งสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเป็นพื้นฐานของกฎหมาย สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนทุกฉบับที่ได้รับการจัดทำขึ้นในเวลาต่อมา
สนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
อนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่สำคัญมีทั้งหมด 9 ฉบับ ประกอบด้วย
(1) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child :CRC)
(2) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women : CEDAW)
(3) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR)
(4) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights : ICESCR)
(5) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination : ICERD)
(6) อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT)
(7) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities : CRPD)
(8) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance : ICPPED)
(9) อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกครอบครัว (International Convention on the Protection of the Righs of All Migrant Workers and Members of their Families : ICRMW)
ปัจจุบัน ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน 8 ฉบับ ได้แก่ CRC, CEDAW, ICCPR, ICESCR, ICERD, CAT, CRPD และ ICPPED
ไทยกับอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน
ไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเข้าถึง การปกป้องและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของทุกคน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน การที่ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศจำนวน 8 ฉบับ ทำให้ไทยมีพันธกรณีในการรายงานการดำเนินการตลอดจนเผยแพร่หลักการที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อส่งเสริมภาพลึกษณ์ของไทยในฐานะประเทศที่ส่งเสริม เคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน
ที่ผ่านมา กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานหลักด้านสิทธิมนุษยชนของไทย เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงความมั่นคงมนุษย์ และหน่วยงานผู้ปฏิบัติ ได้ร่วมกันจัดทำรายงานการปฏิบัติตามอนุสัญญาต่างๆ ของไทย เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ กติการระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ ซึ่งในกระบวนการจัดทำรายงานดังกล่าว เป็นโอกาสในการหารือแลกเปลี่ยน ทบทวนและปรับปรุงการดำเนินการของไทยให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยได้เข้าเป็นภาคีไว้
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council : HRC) เป็นกลไกของสหประชาชาติที่กำหนดทิศทางและการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 47 ประเทศ ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นวาระ ครั้งละ 3 ปี ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป โดยแบ่งสัดส่วนประเทศสมาชิกในคณะมนตรีเป็นรายภูมิภาคต่าง ๆ
ทั้งนี้ คณะมนตรีฯ จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการประจำความตกลงด้านสิทธิมนุษยชนฉบับต่างๆ และกลไกผู้เชี่ยวชาญพิเศษ (Special Rapporteur) และกลไกอื่นๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น
ในเวทีการประชุม HRC ไทยให้ความสำคัญกับประเด็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของทุกคน โดยเฉพาะสิทธิมนุษยชนของกลุ่มต่างๆ (groups' rights) เช่น สิทธิสตรี ความเท่าเทียมทางเพศ สิทธิเด็ก สิทธิคนพิการ และสิทธิผู้สูงอายุ สิทธิทางสุขภาพ เช่น หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การจัดการกับโรคเอดส์ การถอดบทเรียนประสบการณ์การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของไทย ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน และ มิติสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นความท้าทายใหม่ๆ (emerging issues) เช่น สิทธิทางสุขภาพและโรคระบาด สิทธิมนุษยชนและผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง สิทธิมนุษยชนกับสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและดีต่อสุขภาพ สิทธิมนุษยชนกับเทคโนโลยีดิจิทัล
นอกจากนี้ ไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางวิชาการและการเสริมสร้างขีดความสามารถ เพื่อการยกระดับขีดความสามารถในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของแต่ละประเทศ โดยไทยได้ผลักดันข้อมติรายปีที่ไทยเป็นผู้ยกร่าง เรื่อง Enhancement of technical cooperation and capacity building in the field of human rights ตั้งแต่ปีการดำรงตำแหน่งสมาชิก HRC ครั้งแรก ระหว่างปี ค.ศ. 2010 - 201ซึ่งข้อมติดังกล่าวเป็นช่องทางในการส่งเสริมความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างประเทศสมาชิก
การประชุม HRC จะจัดขึ้นรายปี ปีละ 3 สมัย ที่สำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา (UNOG) ซึ่งไทย โดยคณะทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จะเป็นหน่วยงานหลักในการเข้าร่วม ติดตามและประสานงานการเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมคู่ขนานต่างๆ ของการประชุม HRC
ไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนาน HRC บ่อยครั้ง เช่น ในการประชุม HRC สมัยที่ 59 เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ไทยเข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนานในหัวข้อ "Ensuring the Right to Health in Conflict Situations" ซึ่งเป็นกิจกรรมความร่วมมือระหว่างไทย บราซิล ญี่ปุ่น นอร์เวย์ และสเปน กับองค์กร Medecins Sans Frontieres (MSF) และองค์กร Save the Children
กลไกสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ
รัฐบาลไทยมีนโยบายต้อนรับการเยือนไทยของกลไกสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Standing invitation) ที่ต่อเนื่อง และในปี 2568 ไทยได้ต้อนรับผู้เสนอรายงานพิเศษด้านสิทธิสุขภาพ (Special Rapporteur on Right to Health) และคณะทำงานว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต่อสตริและเด็กหญิง (Working Group on Discrimination against Women and Girls : DAWG) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council : HRC)
การจัดทำรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนรายประเทศ (Universal Periodic Review : UPR)
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดให้รัฐสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศจัดทำรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนรายประเทศของตน (Universal Periodic Review : UPR) เพื่อเสนอต่อคณะมนตรีฯ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศผู้เสนอรายงาน โดยจะให้มีการทบทวนทุก ๆ 4 ปีครั้ง
รายงาน UPR เป็นกลไกเดียวในระบบสหประชาชาติที่กำหนดให้ทุกประเทศต้องได้รับการทบทวน/ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่มีข้อยกเว้นและเป็นการทบทวนโดยรัฐด้วยกันเอง ซึ่งไทยได้ผ่านการทบทวน UPR มาแล้ว 3 ครั้ง (สถานะ ณ พ.ศ. 2566) โดยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรมได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดทำรายงานทบทวน UPR โดยมีทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการและภาคประชาสังคม ร่วมในกระบวนการจัดทำ
กระบวนการจัดทำรายงาน UPR ภายใต้กลไกคณะกรรมการระดับชาติที่กำกับดูแลการทำรายงาน และการติดตามการปฏิบัติตามข้อเสนอภายใต้กลไก UPR เป็นการส่งเสริมให้เกิดการหารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในไทย รวมทั้ง หารือประเด็นความท้าทายด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงานของไทยทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และนำไปสู่การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในไทยอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพัฒนาการด้านสิทธิมนุษยชนต้องเริ่มจากแต่ละประเทศ (home grown) โดยประชาชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายภายในประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศที่เป็นภาคี เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการปกป้อง ส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ที่จะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนของไทย
การสร้างความตระหนักรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน
เพื่อสร้างความเข้าใจและส่งเสริมศักยภาพ (capacity building) ในการดำเนินการตามมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนของไทย กระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชนเผยแพร่ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และกรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม และการฝึกอบรม "การจัดทำและเสนอรายงานประเทศไทยภายใต้อนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยเป็นภาคี" สำหรับผู้แทนหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการจัดทำและเสนอรายงานประเทศ ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติ ตั้งแต่หลักการและประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดทำรายงาน กระบวนการจัดทำและนำเสนอรายงาน การพัฒนากลไกการประสานงาน ฯลฯ
ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ไทยมีบทบาทโดดเด่นในการผลักดันการขับเคลื่อนหลักการชี้แนะเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) และมาตรฐานระหว่างประเทศอื่นๆ ที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนรวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการขับเคลื่อน UNGPs ของหน่วยงานภาครัฐร่วมกับภาคเอกชน จะมีอยู่ 3 เสาหลัก ได้แก่ (1) ปกป้อง (protect) (2) เคารพ (respect) (3) เยียวยา (remedy) ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นการเพิ่มมูลค่าของธุรกิจและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยลดความเสี่ยงที่สามารถส่งผลต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์ ค่าใช้จ่าย และค่าเสียโอกาสในการทำธุรกิจ
ไทยได้เชิญคณะทำงานว่าด้วยสิทธิมนุษยชนกับบรรษัทข้ามชาติและองค์กรธุรกิจอื่นๆ ของ UN เยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นโอกาสในการเรียนรู้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน โดยไทยได้รับทราบข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan : NAP) ซึ่งเป็นแผนปฏิบัตืการระดับชาติฯ ฉบับแรกในภูมิภาคเอเชียที่จัดทำโดยรัฐบาล
กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การฝึกอบรมเยาวชนเอเชียเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนและการประกวดนวัตกรรมเยาวชนในการขับเคลื่อนประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเยาวชนที่มีความสนใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและพัฒนาศักยภาพเยาวชนให้สามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนในระยะยาว
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)