ภารกิจบนเวทีโลก ‘เศรษฐา’ถกยูเอ็น จับมือ‘ไบเดน’

ภารกิจบนเวทีโลก ‘เศรษฐา’ถกยูเอ็น จับมือ‘ไบเดน’

วันที่นำเข้าข้อมูล 18 ก.ย. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 18 ก.ย. 2566

| 316 view

 

สกู๊ป-เศรษฐาถกยูเอ็น

ภารกิจสำคัญในฐานะเป็นหน้าตาของประเทศเปิดประตูสู่โลกภายนอก มีภารกิจเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติในหลากหลายเวทียาวเป็นหางว่าว อาทิ การประชุมร่วมกับภาคเอกชนจากหอการค้าสหรัฐ (USCC) สภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน (USABC) และพบปะหารือกับผู้นำทางธุรกิจที่สำคัญของสหรัฐอเมริกาและการมีส่วนร่วมกับชุมชนไทยและทีมประเทศไทยในสหรัฐอเมริกา

สำหรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับสหประชาชาติ นายกรัฐมนตรีจะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงของประเทศไทยในการอภิปรายทั่วไป (General Debate) และเข้าร่วมในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญในฐานะประเด็นระดับชาติมาโดยตลอด

นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุม สุดยอด Climate Ambition Summit และการประชุม High-level Dialogue on Financing for Development เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย SDG ทั้งยังจะมีการหารือทวิภาคีกับ อันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองที่มีเจ้าภาพชื่อ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกาและภริยา เพื่อต้อนรับหัวหน้าคณะผู้แทนจากทุกประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุม UNGA78

ทั้งนี้ เศรษฐา ทวีสิน จะเป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมของอาเซียนเรื่อง SDGs ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในฐานะประเทศผู้ประสานงานอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย

 

ในส่วนมิติของภาคธุรกิจ การนำคณะนักธุรกิจไทยร่วมเดินทางไปนิวยอร์กด้วยนั้น นอกจากจะได้พบปะหารือสมาคมและสภาธุรกิจสำคัญๆ ของสหรัฐแล้ว ยังจัดเวทีหารือกับผู้บริหารของภาคเอกชนสหรัฐอีกเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการแสวงหาพันธมิตรหรือแนวร่วมด้านเศรษฐกิจ และฟื้นคืนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลเศรษฐา ทั้งยังมีการเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก

กิจกรรมคู่ขนานสำคัญอีกประการที่เป็นครั้งแรกของนายกฯเศรษฐา คือการพบปะกับผู้นำของประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุม อาทิ การหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และนายกรัฐมนตรีเวียดนาม รวมถึงการประชุมมอบนโยบายกับทีมประเทศไทยในสหรัฐอเมริกา และพบปะกับผู้แทนชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกาเพื่อส่งเสริมชุมชนไทยในต่างแดนให้เข้มแข็ง

ตลอดระยะเวลา 4 วันเต็มในนครนิวยอร์ก นับเป็นภารกิจแน่นขนัดทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ

สำหรับ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมภารกิจนิวยอร์ก จะทำหน้าที่เป็น

ผู้แทนในการเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ หรือ High-level Meeting on Pandemic Prevention, Preparedness, Response (PPPR) และการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ High-level Meeting on Universal Health Coverage (UHC) เพื่อส่งเสริมบทบาทนำของไทยด้านการสาธารณสุขและการส่งเสริมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

ทั้งยังเข้าร่วมในกิจกรรมเปิดตัวการรณรงค์หาเสียงการสมัครสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของไทย หรือ Human Rights Council (HRC) วาระปี ค.ศ.2025-2027

ถือเป็นความมุ่งมั่นของไทยที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศ ในระดับภูมิภาค และในระดับโลกผ่านเวที HRC

ในภารกิจครั้งนี้ ยังสอดคล้องและเป็นไปตามมติ ครม.นัดแรก เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาเรื่องขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ อาทิ

1.เห็นชอบต่อร่างเอกสารท่าทีไทยสำหรับการประชุม UNGA78 ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่างประเด็นในประกาศความมุ่งมั่นระดับประเทศ (national commitment) สำหรับการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals Summit: SDG Summit) และร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Final Declaration and Measures to Promote the Entry into Force of the Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty) หากมีการแก้ไขร่างเอกสารทั้งสี่ฉบับในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศ

พิจารณาและดำเนินการโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก

2.เห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals Summit: SDG Summit) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และประกาศความมุ่งมั่นของไทยบนพื้นฐานของร่างประเด็นในประกาศความมุ่งมั่นระดับประเทศ (national commitment) สำหรับการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และ 3.เห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Conference on Facilitating the Entry into Force of the Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty – CTBT Article XIV Conference) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์

ดังนั้น เมื่อส่องกล้องมองการเดินทางไปเข้าร่วมประชุม UNGA78 High-level week ของนายกรัฐมนตรี ไม่เพียงเป็นการเปิดตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่บนเวทีสหประชาชาติ ที่มีผู้นำโลกมาเข้าร่วมมากที่สุดในช่วงเหมาะเจาะทั้งเวลาและสถานการณ์ รัฐบาลป้ายแดงชุดนี้ยังได้โอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทย

สะท้อนถึงเสถียรภาพ ศักยภาพ และความพร้อมของไทยในการเดินหน้าสานสัมพันธ์ และขับเคลื่อนพลวัตความร่วมมือกับนานาประเทศ ทั้งยังเป็นโอกาสในการนำเสนอนโยบายสำคัญของรัฐบาลโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การลงทุน และการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป็นการย้ำความเชื่อมั่นและการสนับสนุนของไทยต่อระบอบพหุภาคีที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง และความมุ่งมั่นของไทยในการมีส่วนร่วมในฐานะรัฐสมาชิกสหประชาชาติที่มีบทบาทสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ โดยมีส่วนร่วมกำหนดวาระสำคัญของโลกที่สมดุลและสนับสนุนบทบาทของสหประชาชาติในการรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต ท่ามกลางการแบ่งแยกเป็นขั้วต่างๆ ในการเมืองระหว่างประเทศปัจจุบัน

พร้อมผลักดันความร่วมมือของประชาคมโลกในการเร่งขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 และเป้าหมาย SDGs เพื่อรับมือกับวิกฤตช่องว่างการพัฒนา แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมความสมดุลในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างความเป็นอยู่อย่างสันติ ความอยู่ดีกินดี สภาพแวดล้อมที่ดี และสุขภาพที่ดีถ้วนหน้าอย่างยั่งยืน

ทำให้เห็นชัดเจนว่า การเดินทางไปครั้งนี้ รัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนประเทศชาติมีแต่ได้ประโยชน์

ไฮไลต์จะส่องสว่างโฟกัสมาที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยที่มาจากพลเรือนครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี

 

CR. ขอขอบคุณข่าวสารจากทางมติชนออนไลน์

https://www.matichon.co.th/politics/news_4182861

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ