รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลงในการประชุม Summit of the Future ที่สหประชาชาติ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลงในการประชุม Summit of the Future ที่สหประชาชาติ

วันที่นำเข้าข้อมูล 25 ก.ย. 2567

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 ก.ย. 2567

| 184 view

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดเพื่ออนาคต (Summit of the Future) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยการประชุมได้รับรองคำมั่นเพื่ออนาคต (Pact for the Future) เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุม และเอกสารภาคผนวก 2 ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาว่าด้วยอนุชนรุ่นหลัง (Declaration on Future Generations) และคำมั่นด้านดิจิทัลระดับโลก (Global Digital Compact)

รัฐมนตรีฯ กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ “Multilateral Solutions for a Better Tomorrow” แสดงความเห็นต่อการสร้างอนาคตร่วมกันของโลกว่า ทุกคนจะได้รับการปกป้องและมีความเจริญรุ่งเรือง ผ่านความมุ่งมั่นทางการเมืองเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของโลกไปด้วยกัน โดยได้เน้นประเด็นต่าง ๆ เช่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นแนวทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การต่อต้านยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติและไซเบอร์ การปฏิรูปสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้สถาปัตยกรรมโลกสะท้อนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนามากยิ่งขึ้น รวมถึงการส่งเสริมพลังของเยาวชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอนาคตที่ต้องการ ประเทศไทยสนับสนุนให้กระบวนการจัดทำ Pact for the Future สะท้อนถึงผลประโยชน์ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้ร่วมให้ความเห็นต่อการยกร่างเอการดังกล่าว พร้อมหวังว่าเอกสารดังกล่าวจะสามารถตอบโจทย์ความท้าทายของโลก และให้ความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยในปีนี้ ไทยได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสหประชาชาติและ Summit of the Future ให้กับสาธารณชนด้วย

การประชุม Summit of the Future มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเร่งรัดการดำเนินการของภาคส่วนต่าง ๆ ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกำหนดประเด็นสำคัญและทิศทางการดำเนินงานของสหประชาชาติเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทายในโลกปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งยังเป็นกระบวนการสำคัญในการส่งเสริมระบบพหุภาคีนิยมที่มีสหประชาชาติเป็นแกนกลาง และรักษาให้สหประชาชาติยังคงมีบทบาทและความหมาย (relevance) ตลอดจนสามารถตอบสนองต่อความต้องการของรัฐสมาชิก

 

fmsotf2

 

On 23 September 2024, H.E. Mr. Maris Sangiampongsa, Minister of Foreign Affairs, delivered Thailand’s statement at the Summit of the Future at UN Headquarters in New York. The Summit adopted the Pact for the Future as its outcome document, with Declaration on Future Generations and Global Digital Compact as annexes. The Minister of Foreign Affairs delivered a remark under the theme “Multilateral Solutions for a Better Tomorrow,” reflecting views on the building of a common future of the world. The Minister expressed hope for a promising future where everyone will be protected and able to prosper, which required political will to address common global challenges.

In this regard, the Minister highlighted issues of importance to Thailand such as Sufficiency Economy Philosophy as a way forward for sustainable development, fight against illicit drugs, transnational crimes and cybercrime, reform of the United Nations, including the Security Council, to reflect a global architecture that takes into account the interests of developing countries, as well youth empowerment to shape the future they want. Thailand supports an inclusive process for the conclusion of Pact for the Future so that it would yield concrete outcome for the mutual benefit of the international community. Thailand has contributed inputs for the Pact with the hope that it could effectively address global challenges, as well as attached importance to participation from all stakeholders. Earlier this year, Thailand organized activities to raise public awareness about the United Nations and the Summit of the Future.

The Summit of the Future’s main objective is to expedite all stakeholders’ actions towards achieving the UN sustainable development goals (SDGs) by 2030 and shape the direction of the United Nations’ work and enhance its ability to meet today’s and tomorrow’s challenges. It also reaffirms the importance of multilateralism with the UN at its core and maintain the role and relevance of the UN in responding to the needs of its member states.

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ